วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

ประเภทขนมไทยและขนมมงคล


2.4.ชนิดของขนมไทย
ฟฟฟฟฟฟ ขนมหวานไทย จะมีความหวานนำ หรือมีความหวานจนรู้สึกในลิ้นของผู้รับประทานการทำขนมหวานไทยเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและฝึกฝน  ต้องใช้ศิลปะ วิทยาศาสตร์และความอดทน และความเป็นระเบียบ ความพิถีพิถันในการประกอบ ขนมไทยแท้ ๆ ต้องมีกลิ่นหอม หวาน มัน มีความประณีต ที่เกิดขึ้นตั้งแต่การเตรียมส่วนผสม จนกระทั่งวิธีการทำ

ฟฟฟฟฟฟฟขนมไทย สามารถจัดแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ตามลักษณะของเครื่องปรุง ลักษณะกรรมวิธีในการทำ  และลักษณะการหุงต้ม คือ
1.       ขนมประเภทไข่ เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด สังขยา ฯลฯ







2. ประเภทนึ่ง เช่น ขนมชั้น ขนมสาลี่ ขนมน้ำดอกไม้ ขนมทราย ฯลฯ
 
3.  ขนมประเภทต้ม เช่น ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว มันต้มน้ำตาล ฯลฯ
 
4.  ขนมประเภทกวน เช่น ขนมเปียกปูน ซ่าหริ่ม ขนมตะโก้ ฯลฯ
5.ขนมประเภทอบและผิง เช่น ขนมดอกลำดวน ขนมบ้าบิ้น ขนมหน้านวล ฯลฯ

 
6.  ขนมประเภททอด เช่น ขนมกง ขนมฝักบัว ขนมสามเกลอ ฯลฯ

 
7. ขนมประเภทปิ้ง เช่น ข้าวเหนียวปิ้ง ขนมจาก ฯลฯ
 
8. ขนมประเภทเชื่อม เช่น กล้วยเชื่อม สาเกเชื่อม ฯลฯ
 
9.  ขนมประเภทฉาบ เช่น เผือกฉาบ กล้วยฉาบ มันฉาบ ฯลฯ
 
10. ขนมประเภทน้ำกะทิ เช่น เผือกน้ำกะทิ ลอดช่องน้ำกะทิ ฯลฯ
11. ขนมประเภทน้ำเชื่อม เช่น ผลไม้ลอยแก้ว วุ้นน้ำเชื่อม ฯลฯ
12.             ขนมประเภทบวด เช่น กล้วยบวดชี แกงบวดเผือก ฯลฯ


 13.                 ขนมประเภทแช่อิ่ม เช่น มะม่วงแช่อิ่ม มะเขือเทศแช่อิ่ม สะท้อนแช่ฯลฯ



ขนมมงคล 9 อย่าง


 ขนมมงคล 9 อย่าง

ฟฟฟฟฟฟฟคำว่า มงคลหมายถึง สิ่งที่นำมาซึ่ง ความดีงาม และความเจริญรุ่งเรือง ส่วน ขนมมงคลหมายถึง ขนมไทยที่นำไปใช้ประกอบ เครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขก ใน งานพิธีมงคล ต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานบวช หรือ งานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น โดยจะต้องเลือกใช้เฉพาะ ขนมไทย ที่มี ชื่อไพเราะ และเป็น สิริมงคล ดังเช่น ขนมมงคล 9 อย่าง ที่จะกล่าวต่อไปนี้
 ขนมทองหยิบ
ขนมทองหยิบ เป็นขนมมงคล ชนิดหนึ่ง มี ลักษณะ งดงามคล้าย ดอกไม้สีทอง ต้องใช้ความสามารถและ ความพิถีพิถัน เป็นอย่างมาก ใน การ ประดิษฐ์ประดอย จับกลีบ ให้มีความงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ ชื่อ ขนมทองหยิบ เป็นชื่อ สิริมงคล เชื่อว่าหากนำไปใช้ประกอบ พิธีมงคล ต่างๆ หรือให้เป็น ของขวัญ แก่ใครแล้ว จะทำให้เกิด ความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับ การงาน สิ่งใดก็จะ ร่ำรวย มีเงินมีทอง สมดังชื่อ ทองหยิบ
ขนมทองหยอด
ขนมทองหยอด ใช้ประกอบใน พิธีมงคล ทั้งหลาย หรือมอบเป็น ของขวัญ ใน โอกาสสำคัญ ๆ แก่ผู้ใหญ่ที่เคารพรักหรือ ญาติสนิทมิตรสหาย แทน คำอวยพร ให้ ร่ำรวยมีเงินมีทอง ใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ประดุจให้ ทองคำ แก่กัน
 ขนมฝอยทอง
ขนมฝอยทอง เป็นขนม ใน ตระกูลทอง ที่มีลักษณะเป็น เส้น นิยมใช้กันในงานมงคลสมรส ถือเคล็ด กันว่าห้ามตัดขนม ให้สั้น ต้องปล่อยให้เป็น เส้นยาวๆ เพื่อที่ คู่บ่าวสาว จะได้ ครองชีวิตคู่ และ รัก กันได้อย่างยืนยาวตลอดไป

ขนมชั้น
ขนมชั้น เป็นขนมไทย ที่ถือเป็น ขนมมงคล และจะต้อง หยอด ขนมชั้น ให้ได้ 9 ชั้น เพราะ คนไทย มีความเชื่อ ว่าเลข 9 เป็น เลขสิริมงคล หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า และ ขนมชั้น ก็หมายถึงการได้ เลื่อนชั้น เลื่อน ยศถาบรรดาศักดิ์ ให้สูงส่งยิ่งๆ ขึ้นไป
ขนมทองเอก
ขนมทองเอก แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียว ประมาณว่ารักเดียวใจเดียว หรือความเป็นที่สุด
ขนมเม็ดขนุน
ขนมเม็ดขนุน แทนคำอวยพรว่า จะทำอะไรก็มีแต่คนคอยสนับสนุน ค้ำจุน ให้เจริญก้าวหน้า
ขนมจ่ามงกุฏ
ขนมจ่ามงกุฏ ให้เจริญก้าวหน้า เพียบพร้อมด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์
 ขนมเสน่ห์จันทร์
ขนมเสน่ห์จันทร์ ทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ มีแต่คนรักใคร่
ขนมถ้วยฟู
ขนมถ้วยฟู ความหมายตรงตัวค่ะ คือ มีแต่ความเจริญ เฟื่องฟู

ขนมไทยเสริมราศี


ราศีมังกร เกิดระหว่าง 15 ม.ค.-14 ก.พ.
ขนมสวยหลากสี สร้างสรรค์ให้ชีวิตแปลกใหม่ เป็นคนธาตุดิน ต้องเสริมความตื่นเต้นแปลกใหม่กับชีวิต ด้วยขนมชั้นสีสวยๆ เยลลี่ลายหวานๆ หรือลูกชุป ช่วยเสริมสง่าราศีให้โดนเด่นดีที่สุด เครื่องดื่มที่เหมาะคือ น้ำหวานสีต่างๆ


ราศีกุมภ์ เกิดระหว่าง 15 ก.พ.-14 มี.ค.
โดดเด่นเป็นที่สนใจด้วยขนมหายาก เป็นคนธาตุลม ชอบขนมเบเกอรี่ ขนมเค้ก แต่มีขนมไทยหลายประเภทที่ช่วยเสริมดวงชะตา อาทิ สัมปันนี ฝอยทอง เครื่องดื่มที่เหมาะคือ น้ำส้ม น้ำเสาวรส น้ำแอปเปิ้ล


ราศีมีน เกิดระหว่าง 15 มี.ค.-14 เม.ย.
โชคดีทุกการเดินทางด้วยขนมพื้นบ้านหลากแบบ เป็นคนธาตุไฟ ที่ไม่ค่อยใจร้อนเท่าไหร่ ขนมพื้นบ้านจะช่วยเสริมให้เจ้าตัวโชคดีเรื่องการเดินทาง อาทิ ข้าวเม่า ข้าวตอก ข้าวตัง เล็บมือนาง เครื่องดื่มที่เหมาะเป็นประเภทน้ำผักผลไม้


ราศีเมษ เกิดระหว่าง 15 เม.ย.-14 พ.ค.
ลดอารมณ์ร้อนๆ ด้วยขนมเย็น เป็นคนธาตุไฟ มีนิสัยใจร้อน หงุดหงิดง่าย ควรแก้เคล็ดด้วยขนมประเภทเย็นๆ อาทิ ขนมลอดช่อง กระท้อนลอยแก้ว จะช่วยให้อารมณ์เย็นมีชีวิตชีวา สิ่งที่ติดขัดหรือมีปัญหาจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เครื่องดื่มที่เหมาะเป็นน้ำผลไม้อาทิ น้ำสับปะรด น้ำกระเจี้ยบ 


ราศีพฤษภ เกิดระหว่าง 15 พ.ค.-14 มิ.ย.
เสริมความก้าวหน้าด้วยขนมเนื้อแน่น เป็นคนธาตุดิน หนักแน่น มั่นคง มีความรักชอบในศิลปะแบบโบราณ ขนมที่ช่วยเสริมราศี อาทิ ตะโก้ ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง ขนมถ้วย เครื่องดื่มที่เหมาะควรเป็น น้ำมะตูม น้ำตะไคร้ เก็กฮวย


ราศีเมถุน เกิดระหว่าง 15 มิ.ย.-14 ก.ค.
ขนมหายากสร้างเสน่ห์ให้เป็นที่รัก เป็นคนธาตุลม จิตใจแปรปรวน ขนมที่เสริมดวงชะตาให้เป็นที่รักของผู้อื่น อาทิ ขนมหน้านวล เครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้เช่นไวน์ พันซ์


ราศีกรกฎ เกิดระหว่าง 15 ก.ค.-14 ส.ค.
ชีวิตมีสีสันด้วยขนมรสชาติหวานมัน เป็นคนธาตุน้ำ ใจเย็นเพราะใจดี มีความนุ่มนวล ขนมที่เสริมดวงชะตาสง่าราศี อาทิ ข้าวเหนียวสังขยา สังขยาฟักทอง ขนมประเภทแกงบวช เครื่องดื่มที่เหมาะคือประเภทน้ำหวาน ชา หรือกาแฟทั้งร้อนและเย็น


ราศีสิงห์ เกิดระหว่าง 15 ส.ค.-14 ก.ย.
เสริมความหรูหราด้วยขนมชื่อสิริมงคล เป็นคนธาตุไฟ ที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ขนมที่มีสีแดง ส้ม ทอง อาทิ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง จ่ามงกุฏ ข้าวเหนียวแดง จะช่วยเสริมความสง่างามและเสน่ห์ให้ตนเอง เครื่องดื่มที่เหมาะเป็นน้ำสมุนไพร พวกน้ำจับเลี้ยง ชาดอกคำฝอย


ราศีกันย์ เกิดระหว่าง 15 ก.ย.-14 ต.ค.
คนรอบข้างรักใคร่เมตตาด้วยขนมสีขาว เป็นคนธาตุดิน ที่ค่อนข้างใจเย็น ขนมที่คู่บารมีกับชาวกันย์ ต้องมีสีขาวหรือสีนวล ขนมผิง ขนมหน้านวล หรือวุ้นกระทิ จะช่วยให้คนรอบข้างรักใคร่เมตตา เครื่องดื่มที่เหมาะเป็นพวกน้ำสมุนไพร รังนก หรือโสม


ราศีตุลย์ เกิดระหว่าง 15 ต.ค.-14 พ.ย.
ขนมหลากสีสัน ผลักดันให้งานก้าวหน้า เป็นคนธาตุลม ที่ไม่ค่อยยินดียินร้ายกับอะไรทั้งสิ้น ขนมที่เสริมบารมีกับหน้าที่การงาน ต้องมีสีสันสดใส เช่น ขนมสัมปันนี ช่อม่วง วุ้นกรอบ ข้าวเม่า เครื่องดื่มที่เหมาะควรเป็นน้ำผลไม้และนม


ราศีพิจิก เกิดระหว่าง 15 พ.ย.-14 ธ.ค.
ขนมผสมกระทิเนรมิตความร่ำรวย เป็นคนธาตุน้ำ มีความเป็นตัวของตัวเอง สู้งานหนัก สุขุม เหมาะกับขนมหวานประเภทแกงบวช ครองแครง ปลากริมไข่เต่า บัวลอย จะช่วยเสริมความร่ำรวย เครื่องดื่มที่เหมาะต้องมีรสเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว


ราศีธนู เกิดระหว่าง 15 ธ.ค.-14 ม.ค.
ขนมมงคลพิธี ช่วยให้มีแต่คนเมตตา เป็นคนธาตุไฟ เหมาะที่สุดกับขนมที่มีชื่อเป็นมงคล จะเสริมให้เจริญก้าวหน้า เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง เช่นขนมทองเอก โพรงแสม รังนก เครื่องดื่มที่เหมาะเป็นน้ำมะพร้าว น้ำตาลสด ชา กาแฟ

สูตรขนมต่างๆ 


ทองหยิบ

ส่วนผสม
แป้งหมี่                      กิโลกรัม  
ไข่เป็ด             20          ฟอง  
น้ำตาลทราย     1            กิโลกรัม  
น้ำดอกไม้สด    7            ถ้วยตวง  
วิธีทำ
1.ผสมแป้งกับน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง นวดให้นิ่ม
2.ต่อยไข่ใส่ภาชนะ ช้อนเอาแต่ไข่แดง ผสมกับแป้ง
 ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้
3.นำน้ำดอกไม้สดใส่กระทะทองตั้งไฟ ผสมน้ำตาลทราย
 คนให้ละลาย กรองให้สะอาด 
เคี่ยวต่อไปจนน้ำตาลแก่
4.ตักแป้งทำให้แบนและกลม ใส่ลงในน้ำตาล 
  พอแป้งสุกตักใส่ภาชนะเชื่อมให้หมด 
 แล้วหยิบแผ่นแป้งใส่ในถ้วยตะไล

 ฝอยทอง

ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม  
ไข่เป็ด 15 ฟอง  
น้ำดอกไม้สด 6 ถ้วยตวง  
วิธีทำ
1.ล้างไข่ให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
2.ต่อยไข่ใส่ภาชนะ เอาแต่ไข่แดง ตีให้แตก
3.กระทะทองตั้งไฟ ผสมน้ำดอกไม้สด น้ำตาลละลาย น้ำดอกไม้สด กรองให้สะอาด เคี่ยวต่อไปจนน้ำตาลแดง
4.ตักไข่แดงใส่กรวย โรยลงในกระทะน้ำเชื่อมกะดูว่าไข่สุก  ใช้ไม้เล็กช้อนขึ้นวางในภาชนะ ทำให้เป็นจับตามต้องการ 



เม็ดขนุน

ส่วนผสม
ถั่วเขียว 2 ถ้วยตวง  
มะพร้าว 1/2  กิโลกรัม  
น้ำตาลทราย 3  ถ้วยตวง  
วิธีทำ
1.ถั่วเขียวแช่น้ำเพื่อให้เปลือกหลุด 
 และถั่วขึ้นน้ำจึงนำไปนึ่ง แล้วโขลกให้ละเอียด
2.คั้นกะทิให้ข้น นวดกับถั่วให้เข้ากัน 
 ใส่น้ำตาลนวดไปด้วย
3.นำไปตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนแห้งและ
ไม่ติดกระทะ จึงยกลง
4.เมื่อเย็นแล้วปั้นเป็นรูปเม็ดขนุน 
 พักไว้ให้ผิวเม็ดขนุนแห้ง
ไข่และน้ำเชื่อม
ไข่ 12 ฟอง  
น้ำตาล 3 ถ้วยตวง  
น้ำ  5  ถ้วยตวง  
วิธีทำ
1.ผสมน้ำตาลกับน้ำตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย
 กรองแล้วตั้งไฟต่อไปจนงวด แบ่งน้ำเชื่อม
เป็น 2 ส่วน
2.แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ใช้แต่ไข่แดง
 กรองเยื่อไข่แดงออก
3.ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มเม็ดขนุนชุบไข่แดง
 แล้วใส่ลงในน้ำเชื่อม ให้ไข่สุกตักขึ้น ใส่ใน
น้ำเชื่อมเย็น จึงตักขึ้นพักไว้
4.เมื่อทำจนหมดแล้ว กรองน้ำเชื่อมทั้งหมด
ตั้งไฟให้เดือด พรมน้ำนิดหน่อย ทิ้งไว้ให้อุ่น
 แล้วตักราดบนเม็ดขนุนจนหมด  
5.ขยับภาชนะที่ใส่เพื่อไม่ให้เม็ดขนุนติดกัน
 แช่ไว้สักพักจึงตักขึ้น เม็ดขนุนจะเป็นเงาสวย
หมายเหตุ ไข่ที่ใช้จะต้องสด  และผิวเม็ดขนุนต้องแห้ง
 จึงจะติดไข่และผิวเรียบด 
 


ทองหยอด

ส่วนผสม
ไข่เป็ด 10 ฟอง
แป้งทองหยอด 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 7 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วยตวง
วิธีทำ  
1.ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไฟให้เดือดพอเหนียว
 ตักน้ำเชื่อมขึ้นไว้สำหรับลอยทองหยอด
 ที่เหลือตั้งไฟต่อไปให้น้ำเชื่อมเหนียว
2.แยกไข่แดง ไข่ขาว
3.ตีไข่แดงให้ขึ้น ค่อยๆ ใส่แป้งทองหยอด
แล้วคนให้เข้ากัน
4.หยอดไข่ที่ตีแล้วลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งอยู่บนไฟ
 ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางเป็นตัวกำหนด
 ต้องการลูกเล็กหรือใหญ่ตามชอบ นิ้วหัวแม่มือ
จะเป็นนิ้วที่ช่วยรูดแป้งลงที่ปลายนิ้ว
 แล้วจึงสะบัดไข่ลงในน้ำเชื่อม
5.เมื่อทองหยอดสุกลอยขึ้น ตักใส่ใน
น้ำเชื่อมสำหรับลอย





 ขนมน้ำดอกไม้

ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง  
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ  
น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง  
น้ำ (ทำน้ำเชื่อม) 1 ถ้วยตวง  
น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วยตวง  
สีขนมตามชอบ  
วิธีทำ
1.ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำดอกมะลิ แล้วนำไป
ตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย กรองพักไว้ให้เย็น
2.ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน
3.เทน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วลงในแป้ง ค่อยๆ นวดให้เข้ากัน
4.ใส่น้ำดอกมะลิลงไปละลายให้เข้ากันดี 
แล้วแบ่งใส่สีตามชอบ นำไปนึ่งไฟแรง น้ำเดือด 
 ขนมจะสุกและบุ๋มตรงกลาง พอเย็นแกะออกจาก
ถ้วยตะไล
ข้อแนะนำ ก่อนตักขนมใส่ถ้วยตะไล 
ต้องนึ่งถ้วยตะไลให้ร้อนก่อน จึงหยอดขนมใส่ถ้วย
 แล้วปิดฝาทันที และถ้าน้ำตาลหวานเกินไป
จะทำให้ขนมไม่บุ๋ม


ขนมชั้น

ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้าชนิดผงอย่างดี 2 ถ้วยตวง  
แป้งมันหรือแป้งท้าวยายม่อม 2 ถ้วยตวง  
น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง  
น้ำลอยดอกมะลิ 8 ถ้วยตวง  
กะทิ 6 ถ้วยตวง  
น้ำใบเตย          
สีชมพู (สีผสมอาหาร)          
วิธีทำ
1.ต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง พอเดือดและน้ำตาลละลาย แล้วกรอง 
 ทิ้งไว้ให้เย็น
2.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน กับกะทิน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน
3.แบ่งแป้งออกเป็นสีขาว 2 ส่วน สีชมพู และสีใบเตย 1 ส่วน
4.นำถาดใส่บนลังถึง ตั้งบนไฟแรงๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาว เทใส่ให้บางๆ 
ปิดฝานึ่ง นึ่งจนสุก จะมีลักษณะใส
5.เปิดฝาลังถึง ตักแป้งสีชมพูใส่ลงอีก ทำสลับกันจนหมดแป้ง
6.สีเขียวใบเตยก็ทำเช่นเดียวกับสีชมพู พอสุกทิ้งไว้ให้เย็น ตัดเป็นรูปตามชอบ
 สามารถดูสูตรขนมไทยเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaigoodview.com/library
/studentshow/2549/
m6-4/no16-20-34/kanomthai
/sec19p01.html